วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิษณุโลก

ทุ่งแสลงหลวง ::
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และสวยที่สุดในเมืองไทย ต้องไปดูที่ทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก ต้นฤดูฝนที่นี่ หญ้าทั้งทุ่งกลายเป็นผืนพรมเขียวมรกตได้เหลือเชื่อ

ทุ่งแสลงหลวง เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่สวยงามที่สุด เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนราวเดือนมิถุนายน โดยจะเขียวขจีประดุจผืนพรมธรรมชาติ เป็นฤดูกาลแห่งสรรพชีวิตโดยเฉพาะดอกกระเจียวขาว (Curcuma parviflora) นับหมื่นดอกจะแทงช่อขึ้นรับกับ หยาดฝน นอกจากนั้นทุ่งนางพญา ก็เป็นเส้นทางขี่จักรยาน ที่มีสภาพธรรมชาติดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย อยู่ไม่ไกลทุ่งแสลงหลวงกับในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ในลำน้ำเข็กยังมีแมงกะพรุนน้ำจืดให้ชมอีกด้วย

พรมทะเลหญ้าเขียวขจี สวยที่สุดในเมืองไทย ทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าราว 07.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด: ฤดูฝนเดือนมิถุนายนของทุกปีจุดชมวิวที่ดีที่สุด
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: ทางเข้าทุ่งนางพญาและบริเวณรอบที่พัก
 
:: ภูหินร่องกล้า มหัศจรรย์ถานหินแตก น้ำตกหมันแดง แหล่งลิ้นมังกรสีชมพู ::
ฤดูฝนบนภูหินร่องกล้าคือ วันเวลาวิเศษสุดในธรรมชาติทั้งพืชพันธุ์นานาโลกของเฟิร์นเขียวขจี และแหล่งกล้วยไม้ลิ้นมังกรสีชมพูที่น้ำตกหมันแดง

ภูหินร่องกล้า คือความโดดเด่นทางธรณีวิทยาซึ่งไม่มีที่ใดเหมือนในเมืองไทย เป็นแหล่งรวมของความหลากหลาย ทางชีวภาพสูงค่า ในช่วงฤดูฝนนอกจากลานหินแตก ลานหินปุ่มจะสวยที่สุดในรอบปี น้ำตกหมันแดง คือ อีกหนึ่งความงามของภูหินร่องกล้าซึ่งพบกล้วยไม้ลิ้นมังกรสีชมพู (Habenaria rhodochela) และบีโกเนียสีขาว (Begonia sp.) ขึ้นอยู่หน้าน้ำตกชั้นที่ 5 เป็นสัญลักษณ์ความงามที่พบได้เฉพาะในช่วง เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมของทุกปีเท่านั้น

ภูหินร่องกล้า มหัศจรรย์ถานหินแตก น้ำตกหมันแดง แหล่งลิ้นมังกรสีชมพู จ.พิษณุโลก

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าก่อน 09.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด: ต้นฤดูฝนปลายกรกฏาคมถึงต้นสิงหาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: หน้าน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 และบริเวณลานหินแตก
 
:: อนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าว ::
ตั้งอยู่ในวัดกลางในตัวอำเภอนครไทย เชื่อกันว่าบริเวณนี้เคยเป็นเมืองบางยาง ซึ่งปกครองโดยพ่อขุนบางกลางท่าว (หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย) ด้านหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าว มีต้นจำปาขาว อายุกว่า 700 ปี ลำต้นสูงใหญ่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ และยังออกดอกให้ชมอยู่จนทุกวันนี้ นอกจากนี้ที่อำเภอนครไทยยังมีประเพณีปักธงชัยบนยอดเขาช้างล้วงในช่วงวันลอยกระทงอีกด้วย
 
:: น้ำตกแก่งโสภา ::
เส้นทางพิษณุโลก - หล่มสัก อยู่บริเวณกม.ที่ 71 - 72 มีทางแยกเข้าไป 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ในลำน้ำเข็ก มีความสูงราว 40 เมตร สภาพโดยรอบร่มรื่น ตอนบนเป็นแผ่นหินเรียบ ส่วนตอนล่างเป็นโขดหินใหญ่ ในช่วงฤดูน้ำหลากสายน้ำจะไหลเชี่ยวกราก ส่วนในช่วงที่น้ำน้อยจะแลเห็นน้ำตกไหลลดหลั่นเป็นชั้นต่างๆ 3 ชั้น ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับชาวไทยคนละ 10 บาท
 
:: น้ำตกปอย ::
ระหว่าง กม. ที่ 59 - 60 ทางหลวงหมายเลข 12 มีทางแยกไปน้ำตกปอยอีก 2 กิโลเมตร บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สภาพโดยรอบร่มรื่นเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
 
:: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล ::
ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร

การเดินทางเริ่มจากตัวเมืองพิษณุโลก ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงอำเภอวังทองระยะทาง 20 กิโลเมตร แยกขวาไปยังอำเภอสากเหล็กอีก 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง 1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 10 กิโลเมตร เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง

ในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่ง อันเกิดจากการกัดเซาะ ของน้ำฝนนับหลายล้านปี เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมายทั่วบริเวณ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็น ท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และ
ร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอ ข้อมูลได้เจ้าหน้าที่ เมื่อเดินทางมาถึงยังสำนักงานเขต การเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ ต้องนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่ง ไม่สามารถเข้าชมได้ เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ หากต้องการพักค้างแรม หรือทัศนศึกษาเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้าได้ที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล หมู่ 6 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก 65190
 
:: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี (จ่าสิบเอกทวี - พิมพ์ บูรณเขตต์) ::
ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลก เป็นที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ของชาวบ้านในอดีต ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆจนถึงชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น เครื่องวิดน้ำด้วยมือ เครื่องสีข้าว เครื่องมือดักจับสัตว์ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประเภทหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เมื่อปี 2541

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ โดยเก็บค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
โทร. 0 5521 2749, 0 5530 1668 จ่าสิบเอก ดร. ทวี บูรณเขตต์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ เป็นผู้ที่มีฝีมือในทางประติมากรรม และได้รับการเชิดชูเกียรติมากมาย ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือ แขนงช่างหล่อ ประจำปี 2526 และได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมทั้งการประกาศเกียรติคุณเป็น คนดีศรีพิษณุโลก

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ โดยเก็บค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น. โทร. 0 5521 2749, 0 5530 1668 ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ เป็นโรงหล่อพระบูรณะไทย ติดต่อเข้าชมการหล่อพระล่วงหน้า โทร. 0 5525 8715
 
:: ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ::
ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ซึ่งเป็นพระราชวังจันทน์มาก่อนในอดีต ตัวศาลเป็นศาลาทรงไทยโบราณตรีมุข พระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่ง พระหัตถ์ทรงพระสุวรรณภิงคารหลั่งน้ำในพระอิริยาบถประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง สร้างโดยกรมศิลปากร เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2404 มีการจัดงานสักการะพระบรมรูปในวันที่ 25 มกราคมของทุกปี เมื่อเดือนมีนาคม 2535 กรมศิลปากรได้ขุดค้นพบแนวเขตพระราชฐานพระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งนับว่าเป็นการขุดค้นทางโบราณคดี และทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของจังหวัด ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้กลบหลุมขุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานไว้ จนกว่าจะได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
 
:: ถ้ำพระวังแดง ::
เป็นถ้ำที่ยาวและใหญ่เชื่อมต่อกันหลายถ้ำ มีความยาวประมาณ 12.5 กิโลเมตร ถือว่าเป็นถ้ำที่ยาวมาก ภายในถ้ำมีห้องโถงขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีลำห้วยอยู่ด้านล่างภายในลำห้วยมีสิ่งที่น่าสนใจเป็นปลาพันธุ์ใหม่หายาก คือ ปลาค้อถ้ำพระวังแดง หรือ ปลาไม่มีตาเนื่องจากอาศัยอยู่ในถ้ำเป็นเวลานาน จนมีการปรับสภาพให้เหมาะแก่การดำรงชีวิต ภายในถ้ำซึ่งไม่มีแสงเพียงพอ ลักษณะลำตัวยาว 15 เซนติเมตร หลังค่อม ริมฝีปากหนา ไม่ม่ตา แต่เห็นเป็นรอยเล็กๆ และมีติ่งหนังด้านหน้า ลำตัวสีชมพูอมเหลืง ปลาอีกพันธุ์หนึ่งที่พบในถ้ำนี้คือ ปลาถ้ำพลวง หรือ ปลาตาบอดมีลักษณะแตกต่างจากปลาพลวงชนิดอื่นๆ
คือ มีตาเล็กและมีหนังบางๆ หุ้มโดยรอบดวงตา ริมฝีปากหนา มีหนวด 2 คู่ หลังโค้งมนมีเกล็ดบางบำตัวสีชมพูจางปนกับสีเทาอ่อนๆ ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร

การเข้าไปเที่ยวชมภายในถ้ำควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงที่ 5) เพื่อหลีกเลี่ยงอันตายหรือพลัดหลง
 
:: น้ำตกวังนกแอ่นหรือสวนรุกชาติสกุโณทยาน ::
ตั้งอยู่ที่บริเวณ กม. 33 ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก - หล่มสัก) แยกขวาไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กในลำธารวังทอง อันมีต้นกำเนิดมาจากลำน้ำเข็ก บริเวณทั่วไปร่มรื่นด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มีป้ายชื่อต้นไม้กำกับไว้ ด้านทิศตะวันตกมีพลับพลาสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2501 ด้านทิศตะวันออกมีศาลาริมน้ำ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง ก่อนถึงตัวน้ำตก 500 เมตรมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปยังแก่งไทร ซึ่งเป็นแก่งหินคั่นกลางลำน้ำเป็นขั้นๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
 
:: น้ำตกแก่งซอง ::
อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 กม.45 มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกสกุโณทยาน มีร้านค้า บ้านเรือนต่างๆ ตั้งอยู่ริมน้ำตก มีสะพานแขวนเดินชมวิวแม่น้ำ และข้ามไปหมู่บ้านฝั่งตรงข้าม ตามรายทางใกล้กับน้ำตกแก่งซอง มีร้านอาหารและบริการล่องแก่งน้ำเข็กที่ตื่นเต้นสนุกสนาน ล่องได้เฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากประมาณสิงหาคมถึงตุลาคม
 
:: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย - เขาประดู่ ::
มีพื้นที่กว่า 80,000 ไร่ ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2541 ที่ตั้งสำนักงานเขตฯ ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านป่าคาย หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านนายาง อำเภอวัดโบสถ์ ห่างจากตัวเมือง 45 กิโลเมตร

การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว จากพิษณุโลกเดินทางไปอำเภอวัดโบสถ์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 11 อีก 25 กิโลเมตร ก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย มีทางแยกไปบ้านนาขามตามเส้นทาง 1220 อีก 8 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางเข้าเขตห้ามล่าฯ อีก 6 กิโลเมตร เป็นทางลูกรังและมีจุดที่ต้องขับผ่านธารน้ำไหล จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อในช่วงฤดูฝนเขาน้อย - เขาประดู่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 100 - 500 เมตร ประกอบด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า มีความหลากหลายทางด้านพืชพรรณ มีดอกไม้ตามฤดูกาลที่สวยงามคือดอกกระเจียวและกล้วยไม้ และยังเป็นแหล่งค้นพบปูพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า ปูแป้ง หรือ ปูสองแคว เหมาะแก่การท่องเที่ยวทัศนศึกษาเชิงนิเวศในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม ผู้สนใจเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางเขตฯ ได้ทำไว้หรือติดต่อพักแรม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเขต ได้โดยตรงหรือติดต่อล่วงหน้าที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย - เขาประดู่ หมู่ 2 ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 65000
 
:: พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร ::
จัดแสดงที่ชั้นสองของอาคารเอนกประสงค์ในมหาวิทยาลัยนเรศวร (ทุ่งหนองอ้อ) ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ จัดแสดงผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า ที่นำมาจากแหล่งต่าง ๆ ของประเทศไทยและต่างประเทศ ผ้าและวิถีชีวิตของชาวไทยครั่ง มีบริการข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยและเอกสารเกี่ยวกับการผลิต การศึกษาเรื่องผ้าประเภทต่าง ๆ รวมทั้งจัดแสดงชุดฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถซึ่งพระราชทานแก่มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมทั้งจำหน่ายผ้าพื้นเมือง ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ระหว่างเวลา 8.30 – 16.30 น.) โทร. 0 5526 1000 - 4 หรือชมเว็บไซต์ www.thaitextilemuseum.com

การเดินทาง มหาวิทยาลัยนเรศวรอยู่ก่อนถึงตัวเมืองประมาณ 10 กม. ริมทางหลวงหมายเลข 117 (สายนครสวรรค์-พิษณุโลก) ด้านขวามือ
 
:: กำแพงเมืองคูเมือง ::
เดิมเป็นกำแพงดินเช่นเดียวกับกำแพงเมืองสุโขทัย คาดว่าสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถเพื่อเตรียมรับศึกพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ได้โปรดให้ซ่อมแซมกำแพงเมืองอีกครั้งเพื่อเตรียมรับศึกพม่า ครั้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้ ช่างฝรั่งเศสสร้างกำแพงใหม่โดยก่ออิฐให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้รื้อกำแพงเมืองและป้อมต่างๆ เสีย เพื่อไม่ให้พม่าซึ่งรุกรานไทยยึดเป็นที่มั่น กำแพงเมืองที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้คือ บริเวณวัดโพธิญาณ วัดน้อย และบริเวณสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก สำหรับคูเมือง พบเห็นได้ตามแนวที่ขนานกับถนนพระร่วง (หลังสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม)
 
:: หอศิลปและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยนเรศวร ::
ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนสนามบิน) ถนนสนามบิน อำเภอเมือง จัดตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปกว่าร้อยชิ้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย อาทิ สวัสดิ์ ตันติสุข พูน เกษจำรัส ประยูร อุลุชาฎะ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประเทือง เอมเจริญ และชวลิต เสริมปรุงสุข เป็นต้น และยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับ วิถีชุมชนภาคเหนือตอนล่าง จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องมือทำมาหากินต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ระหว่างเวลา 9.00 – 18.00 น. โทร. 0 5523 0720
 
:: สวนนกไทยศึกษา ::
เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมแหล่งอนุรักษ์เรียนรู้นกที่พบในเมืองไทย ซึ่งบางชนิดหายาก และใกล้จะสูญพันธุ์ และบางชนิดได้สูญพันธุ์ไปแล้ว อาทิ นกเปล้าหน้าแดง ที่มีความสะดุดตา นกเงือกชนหินหน้าตาคล้ายสัตว์ดึกดำบรรพ์ คอเปลือย ไม่มีขน ผมบนหัวทรงพั้งค์ และเป็นตัวเดียวในประเทศไทย รวมทั้งทางสวนนกไทยศึกษา ได้รวบรวมนกในวรรณคดีไทย เช่น นกขมิ้น นกโพระดก นกกาเหว่า นกสาลิกาเขียว และนกขุนแผน รวมทั้งนกอื่นๆ อีกหลายชนิดที่สามารถเลียนเสียงมนุษย์และมีเสียงร้องที่ไพเราะ รวมทั้งสิ้นประมาณ 120 ชนิด ทั้งภายในบริเวณสวนนกไทยศึกษายังมีความร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายพันธ์ เพื่อให้นกได้อยู่อาศัยใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 20 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนนกไทยศึกษา เลขที่ 26/43 ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ ซอย 17 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000 โทรศัพท์ / โทรสาร 0 5521 2540 ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี หรือดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.geocities.com/thaibirdgarden
 
:: เสาหลักเมืองพิษณุโลก ::
ประดิษฐานอยู่ภายในศาลหลักเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเมือง ออกแบบอาคารโดยกรมศิลปากร เป็นแบบยอดปรางค์ เสาหลักเมืองทำจากไม้มงคลหลายชนิด คือ จากโคนลำต้นถึงลูกฟัก ทำจากไม่ราชพฤกษ์ ท่อนลูกแก้วท่อนบนทำจากไม้ชิงชัน ส่วนยอดบัวตูมประกอบด้วย ลูกแก้วทำจากไม้สักทองตายพราย และได้นำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น